แอนดี โกลด์สเวิร์ทธี (อังกฤษ: Andy Goldsworthy) (26 กรกฎาคม ค.ศ. 1956 - ปัจจุบัน) เป็นประติมากร ช่างภาพ และนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม คนสำคัญของอังกฤษที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในสกอตแลนด์ ผู้สร้างงานประติมากรรมประเภทที่เรียกว่าศิลปะเฉพาะที่ และ ธรณีศิลป์ ที่จะตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ งานศิลปะของโกลด์สเวิร์ทธีใช้วัสดุธรรมชาติหรือวัสดุที่พบทั่วไปในการสร้างงานที่อาจจะเป็นทั้งงานชั่วคราวหรืองานที่ถาวรที่มาจากลักษณะและสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ
โกลด์สเวิร์ทธีผู้เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1956 ที่เชสเชอร์ในสหราชอาณาจักรเป็นบุตรของอัลลิน โกลด์สเวิร์ทธี (ค.ศ. 1929–ค.ศ. 2001) อดีตศาสตราจารย์ทางสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ ที่ มหาวิทยาลัยลีดส์ โกลด์สเวิร์ทธีเติบโตขึ้นทางด้านฮาร์โรเกทของลีดส์ในเวสต์ยอรค์เชอร์ ตั้งแต่อายุได้ 13 ปีโกลด์สเวิร์ทธีก็ทำงานในฟาร์ม และมีความเห็นว่าคุณสมบัติของงานประจำที่ซ้ำๆ กันของงานที่เกี่ยวกับการทำฟาร์มก็คล้ายคลึงกันกับกระบวนการสร้างงานประติมากรรม ดังที่กล่าวไว้ว่า “งานส่วนใหญ่ของผมก็คือการขุดเก็บมันฝรั่ง ที่คุณต้องจับจุดให้เข้ากับจังหวะ (rhythm) ของงาน”
โกลด์สเวิร์ทธีศึกษาวิจิตรศิลป์ที่วิทยาลัยศิลปะที่แบรดฟอร์ดระหว่างปี ค.ศ. 1974 ถึงปี ค.ศ. 1975) และที่เพรสตันโพลีเทคนิค ค.ศ. 1975 ถึงปี ค.ศ. 1978 จนได้รับปริญญาตรีสาขาศิลปะ
หลังจากจบมหาวิทยาลัยแล้วโกลด์สเวิร์ทธีก็ย้ายไปอยู่ที่ยอร์คเชอร์, แลงคาสเชอร์ และต่อมาคัมเบรีย ในปี ค.ศ. 1985 โกลด์สเวิร์ทธีก็ย้ายไปอยู่ที่แลงโฮล์มที่ ดัมฟรีส์และกาลโลเวย์ในดัมฟรีส์เชอร์ในสกอตแลนด์ และปีต่อมาที่เพนพอนท์ กล่าวกันว่าการย้ายไปทางเหนือขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมีสาเหตมาจาก “วิถีชีวิตที่ไม่อยู่ในความควบคุมของ[โกลด์สเวิร์ทธี]” แต่ก็เป็นเหตุผลบางส่วนที่ประกอบกับความต้องการที่จะไปทำงานในบริเวณที่เหมาะกับ “สถานะทางเศรษฐกิจ”
ในปี ค.ศ. 1993 โกลด์สเวิร์ทธีก็ได้รับปริญญาเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยแบรดฟอร์ด ในปัจจุบันโกลด์สเวิร์ทธีเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์
ในปี ค.ศ. 2001 ทอมัส รีเดิลส์ไฮเมอร์กำกับภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิต, ปรัชญาการสร้างงานศิลปะ และ งานศิลปะโดยโกลด์สเวิร์ทธี ชื่อ “Rivers and Tides”
วัสดุที่โกลด์สเวิร์ทธีใช้ในการสร้างงานศิลปะก็รวมทั้ง ดอกไม้สีสด, ใบไม้, แท่งน้ำค้างแข็งย้อย (icicle), โคลน, ดอกสน (pinecone), หิมะ, หิน, กิ่งไม้ และ หนาม โกลด์สเวิร์ทธีกล่าวว่า
ผมคิดว่าการสร้างงานด้วยดอกไม้และใบไม้และกลีบดอกไม้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมก็ต้องทำ: ผมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ผมใช้ คือผมจะต้องทำงานกับสิ่งที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติ
โกลด์สเวิร์ทธีถือกันว่าเป็นศิลปินผู้ริเริ่มศิลปะการวางหินเชิงสมมาตร (Rock balancing) สมัยใหม่ สำหรับงานศิลปะชั่วเวลาโกลด์สเวิร์ทธีมักจะใช้มือเปล่า, ฟัน หรือหาเครื่องมือง่ายๆ ในการช่วยเตรียมและจัดรูปแบบของงาน แต่ถ้าเป็นงานถาวรเช่น “หลังคา”, “แม่น้ำหิน” หรือ “กองหิน” (Cairn) หรือ “ทางอาบแสงจันทร์” และ “หินชอล์ค” โกลด์สเวิร์ทธีก็อาจจะใช้เครื่องมือไฟฟ้า การสร้างงาน “หลังคา” โกลด์สเวิร์ทธีทำร่วมกับผู้ช่วยและผู้วางกำแพงหินเปลือย (dry-stone waller) เพื่อทำให้สิ่งที่สร้างขึ้นสามารถยืนหยัดต่อสภาวะอากาศและเวลาได้ยืนนาน
ภาพถ่ายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างงานศิลปะของโกลด์สเวิร์ทธี เพราะธรรมชาติของที่สร้างมักจะเป็นงานประเภทที่ “แปรรูป” (transient state) ที่เป็นงานชั่วเวลาที่แปรเปลี่ยนไปทุกขณะที่ทำ เช่นการสร้างงานประติมากรรมด้วยแท่งน้ำค้างแข็งย้อยที่เมื่อสร้างแล้วก็อยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะสลายไป หรือการสร้างกองหินรูปดอกสนตามชายหาดก่อนน้ำขึ้น เมื่อน้ำขึ้นก็จะทลายกองหินที่ทำไว้ ตามความเห็นของโกลด์สเวิร์ทธี “งานแต่ละชิ้นจะเติบโต, คงอยู่, สูญสลายไป – ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร ที่การใช้การถ่ายภาพที่บันทึกให้เห็นถึงจุดที่อิ่มตัวที่มีชีวิตที่สุดของงาน งานตรงจุดสูงสุดเต็มไปด้วยพลังที่ผมหวังว่าจะสามารถแสดงออกได้จากการจับภาพเอาไว้ ส่วนกระบวนการหักพังสูญสลายนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น”
โกลด์สเวิร์ทธีสร้างงานศิลปะเฉพาะที่ชื่อ “Drawn Stone”ที่ได้รับจ้างในสร้างในบริเวณลานหน้าพิพิธภัณฑ์เดอยังในซานฟรานซิสโกในปี ค.ศ. 2005 ซึ่งเป็นงานที่สะท้อนถึงภาวะแผ่นดินไหวและผลที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบริเวณซานฟรานซิสโก งานที่ติดตั้งรวมรอยแยกใหญ่บนทางเดินทีแตกออกเป็นรอยแยกเล็ก และ หินปูนที่แตกกระจัดกระจายที่ใช้เป็นที่นั่งได้ รอยแยกเล็กสร้างโดยใช้ค้อนทุบซึ่งทำให้รอบแตกเป็นรอยประเภทที่ทำนายไม่ได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด
ผมพบว่างานใหม่ๆ ที่พบทำเป็นงานที่น่ากังวล เหมือนกัที่ผมพบว่าธรรมชาติโดยทั่วไปแล้วก็เป็นสิ่งที่น่ากังวล ภูมิทัศน์ที่มักจะคิดว่าสงบ และ สวยงาม ที่เป็นฉากหลังที่เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในวันเสาร์อาทิตย์ก่อนที่จะต้องกลับเข้าไปสู้รบปรบมือกับชีวิตในเมือง แต่ผู้ที่ทำงานกับดินก็จะทราบว่ามิใช่เช่นนั้น ธรรมชาติสามารถเป็นสิ่งที่ทารุณได้ – เอาไม่อยู่ และ ทารุณ และในขณะเดียวกันก็มีความสวยงาม คุณไม่สามารถที่จะก้าวเดินไปไหนมากได้เกินกว่าห้านาทีก่อนที่จะพบกับสิ่งที่เน่าเปื่อยหรือตายไปแล้ว
ความงามของศิลปะข้อหนึ่งคือความสามารถในการสะท้องชีวิตทั้งชีวิตของศิลปิน สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ใน 30 ปีที่ผ่านมาเริ่มหวนกลับมาบอกว่าผมได้ทำอะไรไปบ้าง และผมก็หวังว่ากระบวนการนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าผมจะตาย